ขนลุก! เปิดกรุผี 10 ประเภทกับตำนานสยองเขย่าขวัญคนไทย หลอนติดตา ผวาสุดขีด

0
4585

ความเชื่อเป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในยุคที่เป็นสังคมเกษตรกรรม วิถีชีวิตของผู้คนต้องพึ่งพิงธรรมชาติ ดังนั้นคนไทยจึงมีความเชื่อสิ่งต่างๆ เช่น มีความเชื่อเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ โชคลาภ ไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง คาถาอาคม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนความเชื่อเรื่องของ ภูติ ผี ปีศาจ กระทั่งปัจจุบันเรื่องราวของความเชื่อยังคงอยู่ และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเสมอ วันนี้เราจะพาไปเปิดเรื่องราวของ 10 ผีไทยที่สร้างความสยองให้กับมนุษย์จนขวัญหนีดีฝ่อ

 

 

 

ผีนางรำ

ผีนางรำขึ้นชื่อว่าเป็นผีที่คนไทยกลัวที่สุด เพราะความขลังของรูปองค์ทรงเครื่องของชุดไทย ท่ารำที่เนิบช้าสุดหลอน อีกทั้งเสียงดนตรีไทยที่ชวนขนลุกขั้นสุด เรื่องราวของผีนางรำเชื่อกันว่าอาจจะเป็นบุคคลซึ่งเคยเป็นมนุษย์แต่เสียชีวิตขณะใส่ชุดรำ หรือบุคคลที่ทำอาชีพเป็นนางรำแต่ได้เสียชีวิตลงอย่างปริศนา และต้องการให้มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างเราได้ไขความลับเหตุผลที่เขาเสียชีวิต บ้างก็ว่าผีนางรำอาจเป็นผู้ที่ตอนเป็นมนุษย์ได้ทำผิดต่อครูทางด้านศาสตร์นาฏศิลป์ ทำให้ชีวิตต้องจบลงอย่างสุดอนาถ และเมื่อเสียชีวิตไปจึงกลายเป็นผีนางรำ ทั้งนี้ยังมีข้อสันนิฐานว่างผีนางรำในตอนเป็นคนจะหวงแหนเรื่องของนาฏศิลป์ไทยหรือไม่ก็ยังคงยึดติดกับชุดนางรำ ชุดโขน เครื่องดนตรีไทย ทำให้เมื่อเสียชีวิตวิญญาณจึงมีห่วง และวนเวียนตามห้องนาฏศิลป์หรือโรงเรียนที่มีการสอนนาฏศิลป์อีกด้วย

 

ขอบคุณภาพจาก www.sanook.com

 

ผีปอบ

ผีปอบเป็นความเชื่อพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน โดยเชื่อกันว่าเป็นผีที่กินของดิบ ๆ สด ๆ อย่างน่าสยดสยอง โดยมีความเชื่อว่า ผู้ที่จะกลายเป็นปอบนั้น มักจะเป็นผู้เล่นคาถาอาคม หรือคุณไสย พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ หรือกระทำผิดข้อห้าม ผู้ที่เป็นปอบจะเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งปอบเป็นผีที่ไม่มีตัวตน แต่ปอบคือจิตวิญญาณ จะเข้าแฝงร่างสิงสู่คนที่เป็นสื่อให้ และใช้ร่างหรือรูปลักษณ์ของคนๆนั้นไปกระทำการไม่ดีต่างๆ และเชื่อด้วยว่าหากวิญญาณปอบเข้าสิงสู่ผู้ใด จะกินตับไตไส้พุงของผู้ที่โดนสิงจนกระทั่งตาย ผู้ที่โดนกินจะนอนตายเหมือนกับนอนหลับธรรมดา ๆ ไม่มีบาดแผล ซึ่งเรียกกันว่า ไหลตาย

 

 

ขอบคุณภาพจาก www.sanook.com

ผีกระสือ

เชื่อกันว่าผีกระสือสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบรับประทานของสดคาว มักออกหากินเวลากลางคืนและไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีแดง แต่ส่วนมากจะเป็นแสงสีเขียวเรืองแสง โดยจะเริ่มออกหากินตั้งแต่เวลาหัวค่ำไปจนถึงทั้งคืน และจะกลับเข้าร่างเวลาใกล้รุ่งสาง เวลากลางวันจะมีลักษณะร่างกายเหมือนคนทั่วไป แต่มีพฤติกรรมหรืออาการแบบแปลกๆ ผิดปกติ เช่น ไม่ชอบสบตาคน เงียบๆ ไม่พูดไม่จากับใคร ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว บ้างก็ไม่ชอบแสงสว่างก็มี ผู้ที่เป็นกระสือนั้นมักจะเป็นผู้ที่บูชาไสยศาสตร์มนต์ดำหรือเดรัจฉานวิชา แต่ทำผิดข้อห้าม จนกลายเป็นกระสือไปในที่สุด หรือบ้างก็ว่ามีการถ่ายทอดจากคนหนึ่งไปให้อีกคนได้อีกด้วย

 

ขอบคุณภาพจาก www.sanook.com

ผีกระหัง

ผีกระหัง ตามความเชื่อพื้นบ้านมีลักษณะเป็นผีผู้ชาย ที่มีอุปนิสัยคล้ายกับกระสือ สามารถบินได้ โดยใช้กระด้งฝัดข้าวลักษณะคล้ายปีกโผบิน และนั่งบนสากตำข้าวควบคู่กัน เชื่อกันว่าผู้ที่เป็นผีกระหังนั้น จะเป็นผู้ที่เล่นไสยศาสตร์ เมื่ออาคมแกร่งกล้าไม่สามารถควบคุมได้ก็จะเข้าตัว กลายเป็นผีกระหังไปผีกระหัง จะบินได้ในเวลากลางคืน จะใช้กระด้งฝัดข้าวติดกับแขนแทนปีก และใช้สากตำข้าวหรือสากกระเบือผูกติดกับขา แทนหาง หรือขา ออกหากินของโสโครกตามทุ่งนาและบริเวณบ้านเรือนของชาวบ้าน

 

ขอบคุณภาพจาก www.sanook.com

 

ผีแม่ม่าย

ผีแม่ม่ายเป็นเรื่องเล่าขานกันในภาคอีสานของประเทศไทย มีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์อย่างมาก แต่ไม่กินของสกปรกเหมือนกับผีประเภทอื่น ผีแม่ม่ายมักปรากฏตัวในฝันของเหยื่อ เป็นสาวงามมาขอหลับนอนหลับนอนกับชายหนุ่มหลัง จากนั้นเหยื่อจะนอนตายตอนกลางคืนโดยไม่มีสาเหตุ ด้วยความกลัวผีแม่ม่ายชาวบ้านคิดหาวิธีแก้เคล็ด บ้างก็ใช้ปลัดขิกอันใหญ่ทาสีแดงที่หัวปลัดขิกติดไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ผีแม่แม่มาเสพสมกับปลัดขิกที่ห้อยอยู่แทน บ้างก็ให้ผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิง เป็นอุบายหลอกผีแม่ม่ายเพื่อให้ผู้ชายพ้นจากอันตราย คนโบราณเล่ากันว่าผีแม่ม่ายครั้งเป็นหญิงมีความชั่วชอบไปเป็นชู้กับสามีคนอื่น ทำให้สามีภรรยามีอันต้องแยกทางกัน บ้างก็ว่าเคยรับกรรมให้เป็นโสเภณี พอตายไปจิตแห่งกามตัณหายังอยู่ไม่ละทิ้งทำให้ไม่ได้ไปเกิดแล้วกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน

 

ขอบคุณภาพจาก เพจอยากเป็นการ์ตูนจัง

ผีเปรต

ผู้พบเห็นเปรตจะได้ยินสียงหวีดร้องสุดสยองด้วยความความทรมาณ รูปร่างสูงโย่งเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ตัวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกินอะไรไม่ได้ ซึ่งเปรตจะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร เปรตมีอยู่หลายประเภท เกิดจากทำกรรมไว้ต่างกัน โดยส่วนใหญ่เกิดจากกรรมจากความโลภ เห็นแก่ตัว ตระหนี่ขี้เหนียว ทำร้ายพ่อแม่ รวมถึงพระสงฆ์ที่ทำผิดครรลองครองธรรม แม้กระทั่งผู้ที่กระทำการทุจริตต่างๆ ภพภูมิหลังความตายก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการกลายเป็นเปรตที่หิวโซร้องขอส่วนบุญ ซึ่งเมื่อสะสมบุญได้แล้วเกิดใหม่ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่

 

ขอบคุณภาพจาก www.henkarm.com

ขอบคุณภาพจาก www.henkarm.com

ผีนางตานี

ผีนางตานี ยังไม่พบตำนานหรือที่มาเป็นจริงเป็นจังนัก แต่มีลักษณะเป็นผีผู้หญิงสิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยตานี และต้องเป็นกล้วยตานีตายพราย หรือ ต้นกล้วยตานีที่ออกปลีแล้วตาย นางตานีจะมีรูปร่างหน้าตาสวยสด หมดจด งดงาม และนุ่งห่มตามแบบสตรีไทยโบราณ สไบสีตองอ่อน ผ้านุ่งโจงสีตองแก่ กลิ่นกายหอมดอกกล้วยชอบหลอกล่อชายไปลวนลาม เเละนางตานียังมีเเรงหึงหวงที่น่ากลัวอีกด้วย เพราะถ้าชายที่มีอะไรกับนางเเล้ว เมื่อไปมีผู้หญิงคนอื่นนางตานีก็จะตามไปหักคอชายผู้นั้นทันที ด้วยเเรงหึงหวงนั้นเอง บางความเชื่อก็ว่า ผู้ที่ได้นางตานีเป็นเมียนั้นมักจะมีอันเป็นไป เพราะพลังชีวิตทั้งสองฝ่ายนั้นจะถ่ายทอดซึ่งกันและกัน ผลข้างเคียงคือซูบผอม แก้มตอบเมื่อคนอดอาหาร ชาวบ้านมักจะสังเกตอาการนั้นและรู้ทันทีว่าคนผู้นั้นมีเมียเป็นนางตานี ก็จะขอพระภิกษุหรือหมอผีที่มีวิชาอาคมแก่กล้าให้ทำพิธีกรรมให้คนทั้งสองแยกจากกันแยกจากกันและให้นางตานีไปสู่สุขคติ

 

 

 

ผีพราย

ผีพราย ส่วนใหญ่มีถิ่นที่อยู่อยู่ในน้ำมากกว่าบนบก เชื่อกันว่าเป็นจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กสุดตามลำดับของดวงจิตวิญญาณที่สามารถปรากฏให้รับรู้ได้ คือ พราย ภูติ ผี ปีศาจ ส่วนใหญ่มักมีที่มาจากการหมักหมมของซากพืชหรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ๆ ดวงจิตวิญญาณนี้มักแสดงตนมีลักษณะเป็นผู้หญิงใส่เสื้อสีขาว เป็นดวงไฟเรืองแสง มักปรากฏตัวตอนเวลาหกโมงเช้า เที่ยงวัน หกโมงเย็น และเที่ยงคืน มักอยู่ในคลองหรือแม่น้ำที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด เมื่อจับเหยื่อได้จะเอาร่างเหยื่อที่ไร้วิญญาณเป็นร่างของตน

 

ขอบคุณภาพจาก www.club.sanook.com

 

ผีโพง

ผีโพง เป็นผีตามความเชื่อพื้นบ้านทางภาคเหนือของไทย ผู้ที่เป็นผีโพงเกิดจากเล่นไสยศาสตร์แล้วควบคุมวิชาในตัวเองไม่ได้ หรือปลูกว่านชนิดหนึ่ง เรียกว่าว่านผีโพง ซึ่งมีสีขาว รสฉุนร้อน เมื่อแก่จะมีธาตุปรอทลงกิน ทำให้เกิดแสงส่องสว่าง โดยปกติแล้ว ผีโพงจะไม่ทำร้ายมนุษย์ แต่ถ้าหากถูกคุกคามก็จะจู่โจมทำร้ายได้เช่นกัน หากมีผู้ใดไปทำอะไรให้ผีโพงไม่พอใจ ผีโพงจะใช้ก้านกล้วยที่ตัดใบออกหมดหรือคานคาบของแม่ม่ายพุ่งข้ามหลังคาบ้านผู้นั้น ซึ่งครอบครัวของผู้ที่โดนขว้างจะพบกับภัยพิบัติต่าง ๆ นานา ผีโพงจะตายได้ เมื่อมีผู้ไปพบปะกับผีโพงเข้าอย่างจัง และทักว่าผีโพงแท้จริงแล้วคือใคร หากผ่านพ้นมาได้หนึ่งวันแล้ว ผู้ที่เป็นผีโพงจะตาย ผีโพงสามารถถ่ายทอดให้แก่กันได้ ด้วยพ่นน้ำลายใส่หน้าหรือมีใครไปกินน้ำลายของผีโพงเข้า

 

ขอบคุณภาพจาก www.chiangmainews.co.th

 

ผีกองกอย

ผีกองกอยลักษณะรูปร่างจะเป็นผีที่มีขาข้างเดียว มีปากเป็นท่อเหมือนแมลงวัน เวลาไปไหนมาไหนจะกระโดดไปด้วยขาข้างเดียว และส่งเสียงร้องว่า ” กองกอย ๆ ” อันเป็นที่มาของชื่อ เชื่อว่าผีกองกอยอาศัยอยู่ในถ้ำหรือโพรงไม้ ออกหากินโดยจับปลากินตามลำห้วยหรือแม่น้ำ บางครั้งก็ขโมยปลาหรือข้าวของของผู้คน อีกทั้งยังเชื่ออีกว่า ผีกองกอยมีทรัพย์สินสมบัติสะสมอยู่มาก ซึ่งบางครั้งหากไปพบทรัพย์สมบัติหรือปลาตกอยู่กลางทางหรือในป่าโดยไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของ ห้ามเก็บมา เพราะอาจเป็นผีกองกอย ผีกองกอยจะตามมาทวงคืน และอาจจะทำร้ายมนุษย์ด้วยการล้วงควักตับไตไส้พุงกินเป็นอาหารได้ในเวลาหลับและเหยื่อก็จะไหลตายในที่สุด

 

ขอบคุณภาพจาก www.appgeji.com

Admin : AreeWrite