คอหนังเอเชียห้ามพลาด! เปิด 5 อันดับ “ภาพยนตร์จีน” ขึ้นหิ้งตลอดกาล
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์จีน หลายๆ คนคงนึกถึงแนวกำลังภายใน เหาะ เหิน เดินอากาศ แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีภาพยนตร์จีนอีกหลายเรื่องที่แม้จะไม่ใช่กำลังภายใน แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากคนดูเป็นอย่างมาก วันนี้ขอนำเสนอ 5 อันดับภาพยนตร์จีน ที่ได้รับการยอมรับว่ายิ่งใหญ่ตลอดกาล อ้างอิงจากคะแนน IMDB เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยากลองดูภาพยนตร์จีนแต่ไม่รู้จะเริ่มจากเรื่องไหน
เริ่มกันที่ อันดับที่ 5
Raise the Red Lantern
ภาพยนตร์ปี 1991 ได้คะแนนจาก IMDB ไป 8.1 กำกับโดย “จางอี้โหมว” ผู้กำกับชาวจีนที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ สำหรับตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านคำวิจารณ์ และมีส่วนสำคัญในการเปิดศักราชหนังจีนแผ่นดินใหญ่ให้กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในโลกตะวันตก จนถือเป็นยุคทอง
โดยแนวทางและอารมณ์หลักๆ ที่ปรากฏใน Raise the Red Lantern แทบไม่ข่ายลักษณะของหนังอีโรติกเลยสักนิด ปราศจากฉากโป๊เปลือยใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีฉากรักเลิฟซีนใดๆ ให้เห็น แม้ว่าใบเปิดภาพยนตร์จะชวนให้ผู้ชมคิดเช่นนั้นก็ตาม อาจกล่าวได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิตเข้มข้น เล่าเรื่องราวผ่านธรรมเนียมเก่าแก่ประจำตระกูล ซึ่งมีลักษณะเป็นทั้งพิธีกรรมและสัญลักษณ์ในการสื่อความหมาย
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Raise the Red Lantern
อันดับที่ 4
Yi Yi: A One and a Two
ภาพยนตร์ปี 2000 ได้คะแนนจาก IMDB ไป 8.1 สำหรับเรื่องนี้ได้ผู้กำกับมากความสามารถ “เอ็ดเวิร์ด หยาง” มาดูแลในเรื่องนี้ โดยหนังว่าด้วยเรื่องราวอันแสนสามัญของครอบครัวชนชั้นกลางในไทเป ประกอบไปด้วยคุณพ่อเอ็นเจ (อู๋เนี่ยนเจิน) ลูกสาวถิงถิง (เคลลี ลี) และลูกชายคนเล็กหยางหยาง (โจนาธาน จาง)
หนังแบ่งเรื่องราวเป็นสามเส้นเรื่องใหญ่ ๆ หนึ่งคือชีวิตอันยุ่งเหยิงของ เอ็นเจ ที่เป็นทั้งหัวหน้าครอบครัวและพนักงานบริษัทที่กำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตวัยกลางคน แม่ล้มป่วย ภรรยาสูญเสียแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต บริษัทกำลังเดินเกมธุรกิจผิดพลาด ขณะที่ ถิงถิง เข้าสู่วัยแห่งการค้นหาความหมายของความรักและมิตรภาพในรูปแบบที่เธอไม่คุ้นเคย และที่เป็นไฮไลท์เด็ดคือเรื่องราวของ หยางหยาง เด็กชายวัย 8 ขวบที่ออกไปสำรวจโลกอันกว้างใหญ่ผ่านสายตาอันใสซื่อบริสุทธิ์ นำเสนอโลกในแง่มุมที่ผู้ใหญ่วัยกร้านโลกไม่มีวันมองเห็น
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Yi Yi: A One and a Two
อันดับ 3
Farewell My Concubine
ภาพยนตร์ปี 1993 ได้คะแนนจาก IMDB ไป 8.1 สำหรับเรื่องนี้ได้ “เฉิน ข่ายเกอ” มากำกับ ซึ่งชื่อเสียงของเขาเป็นที่ยอมรับของผู้กำกับท่านอื่นเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ “เฉิน ข่ายเกอ” ชอบกำกับหนังแนววัฒนธรรมพื้นบ้านหรืออิงประวัติศาสตร์ โดยหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ เฉิงเตี๋ยอี กับ ต้วนเสี่ยวโหลว เด็กกำพร้าที่เติบโตในคณะงิ้วของอาจารย์กวน เฉิงเตี๋ยอี ถูกบังคับให้แสดงเป็นตัวนางสนมหวีจี ด้วยสรีระร่างกายที่คล้ายคลึงกับผู้หญิง ส่วน ต้วนเสี่ยวโหลว อาจารย์ฝึกให้แสดงเป็นป้าหวัง เมื่อเวลาผ่านไป ทั้ง 2 เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในวงการงิ้ว ต้วนเสี่ยวโหลว รักกับ จวี๋เซียน ซึ่งเป็นนางบำเรอ เฉิงเตี๋ยอี จึงเกิดความริษยาปะปนไปกับความเศร้า จึงทุ่มเทร่างกายและจิตใจให้กับการแสดงบนเวที
ต่อมาในช่วงที่ทหารญี่ปุ่นเข้ายึดครองประเทศจีน ต้วนเสี่ยวโหลว ถูกทหารญี่ปุ่นจับไปขังคุก ขณะที่ เฉิงเตี๋ยอี ได้รับคำเชิญไปแสดงงิ้วให้ทหารญี่ปุ่นดู โดยมีข้อแลกเปลี่ยนให้ปล่อยตัว ต้วนเสี่ยวโหลว แต่ต้วนเสี่ยวโหลว เข้าใจผิดคิดว่า เฉิงเตี๋ยอี ยอมสวามิภักดิ์ต่อทหารญี่ปุ่น นำไปสู่การผิดใจกันอีกครั้ง ยิ่งทำให้จิตใจของเฉิงเตี๋ยอีบอบช้ำแสนสาหัสเข้าไปอีก
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Farewell My Concubine
อันดับ 2
In the Mood for Love
ภาพยนตร์ปี 2000 ได้คะแนนจาก IMDB ไป 8.1 บอกเล่าเรื่องราวของ คุณนายชาน (จางม่านอวี้) และ คุณเชา (เหลียงเฉาเหว่ย) ที่ย้ายมาอยู่ในห้องเช่าติดกันในวันเดียวกันพอดิบพอดี ทั้งสองต่างแต่งงานและมีคู่ครองแล้ว แต่ชีวิตคู่ของแต่ละฝ่ายกำลังจืดจางและมาถึงทางตัน เนื่องจากไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันเท่าที่ควร
ผิดกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เริ่มผูกพันกันมากขึ้น จนกลายเป็นความสัมพันธ์ต้องห้ามที่ไม่ว่าใครก็ยากจะห้ามใจได้ สำหรับเรื่องนี้ได้ผู้กำกับซีนอารมณ์สุดดราม่าอย่าง “หว่อง กาไว” มาการันตีความเศร้าในเรื่องนี้ ใครที่เป็นแฟนคลับของเฮียหว่องคงต้องไม่พลาดที่จะลิสต์หนังเรื่องนี้ไว้ดูยามว่างสุดสัปดาห์
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง In the Mood for Love
และในที่สุดก็มาถึงอันดับ 1
To Live
ภาพยนตร์ปี 1994 ได้คะแนนจาก IMDB ไปถึง 8.3 ได้รับรางวัล Grand Prix จากเทศกาลหนังเมือง Cannes โดยได้ผู้กำกับชื่อดังอย่าง “จาง อี้โหมว” มาเป็นคนดูแลและถ่ายทอดเรื่องราวครอบครัวของ ฟูกุย ชายหนุ่มติดพนัน ที่ได้พานพบกับวิกฤตของชีวิต ในช่วงของการปฏิวัติ สงครามภายใน และการเปลี่ยนแปลงการปกครองของจีน และเขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อมีชีวิตรอดต่อไปในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้ถูกแบนห้ามฉายในประเทศจีน เพราะเนื้อเรื่องของหนังเข้าข่ายการวิพากย์วิจารณ์ ต่อต้านแนวคิด วิธีการ และรูปแบบการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หากใครที่ชอบหนังแนววิเคราะห์ ได้ลองขบคิด และอยากลองศึกษาประวัติศาสตร์จีนในยุคปฏิวัติเปลี่ยนผ่าน คงต้องไม่พลาดที่จะตามดูหนังเรื่องนี้
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง To Live