ย้อนดราม่า “อาลัวพระเครื่อง” สู่ “อาลัวคุณไสย” ปลุกตำนานขนมไทย ไม่ให้เลือนหายไปตามกาลเวลา

0
837

กลายเป็นดราม่าใหญ่โตเมื่อปีที่แล้ว เมื่อร้านขนมไทย “มาดามชุบ” ผุดไอเดียแปลกทำขนม “อาลัวพระเครื่อง” ออกมาขาย จนกลายเป็นปรากฏการณ์ไวรัลในโลกโซเชียลอย่างมาก สะเทือนไปจนถึง ผอ.สำนักพุทธฯ ต้องออกมาพูดถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ขอบคุณภาพ : มาดามชุบ

ไวรัล “อาลัวพระเครื่อง” เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2564 โลกออนไลน์ได้มีการพูดถึงขนมไทยสุดแปลกจากร้าน มาดามชุบ ซึ่งได้มีการทำขนมอาลัวที่มีลักษณะเป็นรูป “พระเครื่อง” สีสันหลากหลาย บ้างก็สีหวานสดใส บ้างก็สีคล้ายพระเครื่องของจริง จนได้รับความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบขนมหวานและชอบในความคิดที่แปลกแหวกแนว แต่ก็ยังมีชาวเน็ตอีกฝั่งที่รู้สึกว่ารับเรื่องนี้ไม่ได้ เนื่องจากมองว่าพระเครื่องเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า จนนำไปสู่การตั้งคำถามว่า นี่เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาหรือไม่?

ขอบคุณภาพ : มาดามชุบ

แต่ดราม่ายังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อนายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ออกมาให้ข่าวว่ากำลังเตรียมทำหนังสือชี้แจงไปยังร้านขนมดังกล่าวเรื่องความไม่เหมะสม เนื่องจากพระเครื่องเป็นวัตถุมงคล เครื่องสักการะบูชา ขณะที่ นางสุชาดา หิรัญภัทรานันท์ วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม บอกว่า จากการหารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงคราม มีความเห็นตรงกันว่า การนำพระเครื่องไปทำเป็นขนมเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และในที่สุด สำนักงานพุทธศาสตร์จังหวัดพร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ไปยังร้านดังกล่าว เพื่อตรวจสอบ โดยมีการระบุว่า มีผู้ร้องเรียนถึงความไม่เหมาะสม และขอให้ทางร้านหยุดทำขนมอาลัวพระเครื่อง โดยทางเจ้าของร้านชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเห็นว่ามีพิมพ์พระขายตามท้องตลาดจึงซื้อมาลองทำขนม ไม่มีเจตนาลบหลู่แต่อย่างใด และตอนนี้ได้หยุดทำอาลัวพระเครื่องแล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้คงไม่ทำขนมรูปพระเครื่องออกมาอีก อย่างไรก็ดี ทางร้านอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของชาวพุทธที่สนับสนุนขนมอาลัวรูปทรงพระเครื่องด้วย

 

แต่กลิ่นดราม่ายังไม่ทันข้ามเดือน วันที่ 6 พ.ค.64 ร้านมาดามชุบ ได้เปิดตัวขนมอาลัวรูปแบบใหม่ “อาลัวคุณไสย” ประกอบไปด้วยเครื่องทำคุณไสยหลากหลายแบบ เช่น ควายธนู ตะกรุด หุ่นคู่ เรียกเสียงฮือฮาจากคนในโลกโซเชียลได้อีกครั้ง แต่คราวนี้ผลการตอบรับเป็นไปอย่างราบรื่น ชาวเน็ตหลายคนให้ความเห็นว่าพอเป็นเรื่องคุณไสยแล้วนั้น ทางสำนักพุทธฯ รวมไปถึงกลุ่มชาวพุทธที่ไม่ยอมรับใน “อาลัวพระเครื่อง” นั้น คงไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้แน่นอน ต้องขอกบอกเลยว่าร้านขนมร้านนี้ นอกจากจะชาญฉลาดในด้านการออกแบบ ยังตีตลาดชาวโซเชียลได้อย่างตรงจุด และน้อมรับทุกความคิดเห็นที่ถาโถมเข้ามา แต่สุดท้ายก็สามารถปรับตัวและสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองมาจนถึงปัจจุบัน

ขอบคุณภาพ : ไพรวัลย์ วรรณบุตร

สำหรับ “ขนมอาลัว” คือ ขนมไทยที่มีสีสันสะดุดตาชวนกิน ส่วนรูปร่างหน้าตาก็จะมีลักษณะต่างกันไปตามความคิดของคนทำ ส่วนผสมหลักคือ แป้งสาลี น้ำตาล และกะทิ จากนั้นนำวัตถุดิบทั้งหมดมากวนเข้าด้วยกัน และเติมสีสันได้ตามชอบ เมื่อกวนจนได้ที่แล้วก็นำมาปั้น หยอด หรือใส่พิมพ์ขนม แล้วนำไปตากแดดหรืออบเพื่อทำให้มี texture ด้านนอกกรอบเล็กน้อย แต่ข้างในยังนุ่มอยู่ อย่างไรก็ดี ขนมอาลัวมีทั้งแบบกรอบนอกนุ่มใน และอาลัวสดที่ด้านนอกยังมีความนุ่มอยู่

ขอบคุณภาพ : มาดามชุบ