รู้จักกับ “ไวรัส HMPV” ป้องกันไว้ก่อน ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด

0
28

จากการรายงานของสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ“ฮิวแมนเมตานิวโมไวรัส” หรือ hMPV ระบาด โดยเฉพาะในเด็กที่ประเทศจีน โดยล่าสุดมีการเฝ้าระวังเกี่ยวกับเชื้อไวรัสนี้แล้ว ส่งผลให้ผู้คนกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำคล้ายCovid-19หรือไม่

 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้โพสผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลของเชื้อไวรัสนี้ โดยจับใจความได้ว่า

“hMPV “(human meta-pneumovirus) ไม่ใช่ไวรัสใหม่ ไวรัสนี้มีมานานมากแล้ว แต่เพิ่งจะมาพบในปี ค.ศ. 2000 ในต่างประเทศและในปีต่อมาทางศูนย์ไวรัสของที่จุฬาก็ได้ทำการตรวจและเผยแพร่ในวารสารต่างๆ

ไวรัสนี้พบได้ในไหน

เราจะพบไวรัสนี้ในผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ในเด็ก ประมาณร้อยละ 4 และต่อมาก็ได้มีการตรวจอย่างต่อเนื่องมาตลอดจนถึงปัจจุบัน พบไวรัสนี้ประมาณร้อยละ 4-8 เป็นไปตามฤดูกาลกับโรคทางเดินหายใจอื่น จะพบมากในฤดูฝน และช่วงฤดูหนาวอีกเล็กน้อย

อาการของไวรัส

อาการของไวรัสนี้ไม่แตกต่างกับไวรัสตัวอื่น ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจพบได้ ตั้งแต่ ไม่มีอาการ อาการน้อย จนถึงอาการมากลงปอด สามารถพบได้ทุกอายุ แต่พบส่วนมากในเด็ก

การดูแลรักษาและการป้องกัน

การดูแลสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ดูแลเรื่องสุขลักษณะ ให้ร่างกายแข็งแรง ล้างมือ ใครมีอาการทางเดินหายใจ ไม่ควรไปโรงเรียน หน้ากากอนามัยให้ใส่ในผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจทุกคน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายไปสู่คนอื่น โดยทาง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ได้ตอบกลับคอมเมนต์เพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่าเชื้อตัวนี้สามารถรวมกับโควิดได้ นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างไรอีกด้วย

เหตุใดเราจึงต้องใส่ใจ HMPV

แม้ว่าไวรัส HMPV จะไม่มียารักษาเฉพาะทางหรือวัคซีนที่ใช้ได้ในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ทำให้มันอันตรายยิ่งขึ้นคือความยากลำบากในการวินิจฉัย หลายครั้งอาการของ HMPV ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดหรือโรคอื่นในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจทำให้การรักษาล่าช้าและหากติดเชื้ออย่างอื่นเพิ่มด้วยก็เสี่ยงที่จะรักษาให้หายยาก และเกิดความทรมาณต่อร่างกาย

ป้องกันตัวเองอย่างไรจาก HMPV?

ในเมื่อเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าไวรัสจะแพร่กระจายมาเมื่อไหร่ สิ่งที่เราทำได้คือการป้องกันตัวเองและคนที่เรารัก

  1. ล้างมือบ่อยๆ: ใช้สบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์เพื่อลดการสัมผัสเชื้อ
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: โดยเฉพาะตา จมูก และปาก เพราะเป็นทางเข้าหลักของไวรัส
  3. ใส่หน้ากากอนามัย: หากคุณรู้สึกไม่สบาย หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง
  4. รักษาสุขภาพ: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับเพียงพอ และออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath,Yong Poovorawan

CR.Chanvarat Chantan