
ภัยพิบัติธรรมชาติมักจะมีผลกระทบใหญ่ต่อชีวิตมนุษย์ สภาพแวดล้อม และทรัพย์สิน โดยไม่สามารถควบคุมหรือคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ภัยพิบัติธรรมชาติสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก สภาพอากาศ หรือกระบวนการทางธรรมชาติอื่น ๆ สถานการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติล้วนมีสิ่งที่เราคาดไม่คิดตลอดไม่ว่าจะเป็นทางน้ำ ทางดิน ทางลม และไฟ ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราควรมีการรับมือที่เตรียมพร้อมและสามารถไปใช้ในสถานการณ์จริงได้
โดยในวันที่ 28 มีนาคม 2568 ช่วงเวลา 13:20 เวลาแห่งประเทศไทย ได้เกิดแผ่นดินไหว aftershock ทำให้ประชาชนและตึกมากมายในกรุงเทพได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้เกิดขึ้นที่ศูนย์กลางในประเทศเมียนมาตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งว่ามีแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.2 ลึกจากพื้นดินราว 10 กม. ทำให้เกิดแรงสะเทือนถึงประเทศไทย
ซึ่งจากการเกิดแรงสั่นสะเทือนในประเทศไทยนั้นทำให้เกิดตึกสตง.(สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ย่านจตุจักร จำนวน 30 ชั้น ถล่มลงมาทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจนถึงตอนนี้ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่มีจำนวนมาก
การรับมือกับสถานการณ์แผ่นดินไหวนั้นสามารถรับมือได้ดังนี้
1. ก่อนเกิดแผ่นดินไหว
การเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นการลดความเสี่ยงในกรณีเกิดแผ่นดินไหว
- การทำแผนฉุกเฉิน: ควรมีแผนการอพยพที่ชัดเจนในกรณีเกิดแผ่นดินไหว รวมถึงเส้นทางอพยพและสถานที่ปลอดภัย
- การจัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน: เช่น ไฟฉาย, น้ำดื่ม, อาหารสำรอง, ยาสามัญประจำบ้าน, ชุดปฐมพยาบาล, และวิทยุหรืออุปกรณ์สื่อสาร
- การเสริมความแข็งแรงของบ้าน: ตรวจสอบและปรับปรุงโครงสร้างของบ้านเพื่อให้ทนทานต่อการสั่นสะเทือน เช่น เสริมความแข็งแรงให้กับคานหรือเสา
- จัดวางสิ่งของในบ้านให้ปลอดภัย: วางของหนักให้ต่ำและแน่นหนา ไม่ให้หล่นลงมาในกรณีที่มีการสั่นสะเทือน
2. ขณะเกิดแผ่นดินไหว
เมื่อแผ่นดินไหวเริ่มเกิดขึ้น การปฏิบัติที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
- ถ้าอยู่ในบ้าน:
- หลบอยู่ใต้โต๊ะหรือสิ่งของแข็ง: ค้นหาที่กำบังที่มั่นคง เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้ที่แข็งแรง เพื่อป้องกันการถูกสิ่งของหล่นทับ
- ปกป้องศีรษะและลำตัว: ใช้แขนหรือมือปกป้องศีรษะและคอ ถ้าหาที่หลบไม่ได้ ให้หาที่มุมห้องหรือใต้ผนัง
- ห้ามใช้ลิฟต์: หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ขณะเกิดแผ่นดินไหว เพราะอาจเกิดการขัดข้องและติดอยู่ในลิฟต์
- อย่าเข้าใกล้หน้าต่าง: หลีกเลี่ยงการยืนใกล้หน้าต่าง หรือกระจก เพราะกระจกอาจแตกและเป็นอันตราย
- ถ้าอยู่ในที่สาธารณะ:
- หาที่หลบที่ปลอดภัย: ถ้าคุณอยู่ในห้างหรืออาคารใหญ่ ควรหาที่หลบใต้โต๊ะหรือเคาน์เตอร์ที่มั่นคง
- ไม่ควรวิ่งออกจากอาคาร: ถ้าคุณอยู่ในอาคาร การวิ่งออกจากอาคารอาจเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บจากสิ่งของที่ตกลงมา
- หลีกเลี่ยงการยืนใกล้สิ่งก่อสร้าง: เช่น ป้ายโฆษณา หรือเสาไฟฟ้า เนื่องจากอาจพังทลายลงมาหลังจากการสั่นสะเทือน
- ถ้ากำลังขับรถ:
- หยุดรถให้ปลอดภัย: หยุดรถข้างทางหรือในที่ที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น ใกล้ฟุตปาธหรือทางหลวง
- ปิดเครื่องยนต์และรอสัญญาณ: หลังจากที่หยุดรถแล้ว ควรปิดเครื่องยนต์และรอจนกว่าการสั่นสะเทือนจะหยุด
- อย่าหยุดรถใต้สะพานหรือใกล้เสาไฟฟ้า: หลีกเลี่ยงที่ที่อาจมีสิ่งของตกลงมา
3. หลังเกิดแผ่นดินไหว
หลังจากที่การสั่นสะเทือนหยุดลง การรับมือและการระมัดระวังยังคงสำคัญ
- ตรวจสอบความปลอดภัย: ตรวจสอบความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง ตรวจสอบร่างกายและอาการบาดเจ็บ และให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
- หลีกเลี่ยงการเดินบนถนนหรือในพื้นที่เสี่ยง: อย่าพยายามออกไปจากบ้านหรืออาคารจนกว่าคุณจะมั่นใจว่าไม่มีสิ่งของตกลงมาหรืออันตรายอื่น ๆ
- ตรวจสอบความเสียหาย: ตรวจสอบโครงสร้างอาคาร หากพบความเสียหายที่อาจเป็นอันตราย ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่นั้น
- ระมัดระวังแผ่นดินไหวขนาดเล็ก (Aftershocks): แผ่นดินไหวขนาดเล็กอาจเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หลัก ควรระมัดระวังและเตรียมตัวให้พร้อมรับมือ
- ตรวจสอบแหล่งน้ำและไฟฟ้า: หากพบว่ามีการรั่วของก๊าซ หรือไฟฟ้าขัดข้อง ควรปิดแหล่งน้ำหรือไฟฟ้าและรายงานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
- ฟังข่าวสารจากหน่วยงาน: คอยติดตามข้อมูลจากทางการ เช่น ผ่านวิทยุ โทรทัศน์ หรือแอปพลิเคชันสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวหรือการช่วยเหลือ
4. การเตรียมพร้อมในระยะยาว
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมสำหรับภัยพิบัติในอนาคต
- การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหว: เข้าใจวิธีการเตรียมตัวรับมือและรู้จักการประเมินความเสี่ยงในพื้นที่
- การฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน: ฝึกซ้อมแผนการอพยพและการจัดการสถานการณ์ในครอบครัวหรือชุมชน
- การซ่อมแซมบ้าน: การตรวจสอบและปรับปรุงบ้านเรือนให้มีความทนทานต่อการสั่นสะเทือน
การรับมือกับแผ่นดินไหวอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ได้ และทำให้เรามีความพร้อมในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในอนาคตได้
Cr.Saminee Laothanu